10  คำถามเช็กตัวเองก่อนตัดสินใจเรียนต่อเมืองนอก

การไปเรียนต่อเมืองนอกนั้นก็เป็นความฝันของใครหลายๆ คน แต่จะมั่นใจใน ‘ความพร้อม’ ของตัวเองได้ยังไง เพราะการไปเรียนต่อก็เหมือนการไปใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่ใหม่ๆ สักที และไม่ได้ไปแบบระยะสั้น ดังนั้นการโยกย้ายครั้งนี้จึงสร้างความเปลี่ยนแปลงสภาพชีวิตทั้งภายในและภายนอก

วันนี้ Researcher Thailand เลยนำ 10  คำถามเช็กตัวเองก่อนตัดสินใจเรียนต่อเมืองนอก เพื่อสำรวจตัวเองคร่าวๆ ว่าตัวเองพร้อมไปเรียนต่อต่างประเทศแล้วหรือยัง

1. อยากไปเรียนต่อหรือไปเมืองนอก

    บางครั้งเราอาจอยากหนีชีวิตปัจจุบันไปไกลๆ การเรียนต่อก็เป็นหนึ่งในวิธีหนีที่ดี อาจเป็นเพราะเบื่องานประจำ เบื่อสภาพแวดล้อมเดิมๆ อยากออกจาก comfort zone ของตัวเอง ฯลฯ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ต้องคิดใหม่ เพราะถ้าหากไม่ได้มีสาขาที่สนใจจริงๆ การเรียนต่ออาจไม่ใช่ทางออกเลย ไหนจะต้องเรียนกับสิ่งที่คิดว่าเรียนๆ ไปตั้ง 2-3 ปี แนะนำว่าให้ถามตัวเองให้ดีๆ ก่อนว่าอยากเรียนรู้ต่อในสาขาอะไร ถ้าชัดเจนแล้วก็เริ่มเลย! แต่หากในกรณีที่เราคิดแล้วรู้สึกว่าจริงๆ แล้วไม่ได้อยากเรียนระยะเวลายาวขนาดนั้น คอร์สระยะสั้นไม่กี่เดือนเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศอาจจะเป็นทางออกก็ได้

2. พร้อมจะเริ่มเตรียมตัวเมื่อไหร่?

    ช่วงการตัดสินใจเรียนต่อเมืองนอกของหลายๆ คนอาจจะไม่เท่ากัน บางคนก็คิดไว้ตั้งแต่ยังเรียนปริญญาตรี บางคนนึกปุบปับเรียนจบปุ๊บอยากไปเลย บางคนรอเวลาขอทำงานก่อนค่อยทำเอกสารสมัครเรียนเมื่อเป็นแบบนี้จึงต้องพิจารณาว่าตัวเองอยู่จุดไหน ขอยกตัวอย่างง่ายๆ ให้เห็นภาพแบบนี้

    2.1 อายุน้อยกว่าหรือเท่ากับป.ตรี: เป็นช่วงสนใจ ลองหาข้อมูลการศึกษาที่ประเทศนั้นๆ หรือสาขานั้นๆ ให้แน่ใจว่าเราอยากเรียนจริงๆ แต่มีแผนสำรองเผื่อไว้ถ้าอยู่ๆ เกิดอยากเปลี่ยนสาขาหรืออนาคตก็ดีนะ เพราะยังมีเวลาอีกเยอะ

    2.2 กำลังจะเรียนจบ: ถ้าสนใจเรียนเลยก็ต้องรีบจัดแจงเอกสาร ขอ recommendation letter จากอาจารย์ที่สนิท เช็คตารางวัน เงื่อนไขของมหาวิทยาลัยให้ดี แต่ถ้าใครที่แพลนว่าจะทำอย่างอื่นก่อนสักช่วงหนึ่งค่อยไปเรียนก็อาจจะต้องวางแผนเรื่องเอกสารเช่นกัน เช่นการไปคุยกับอาจารย์ก่อน อาจารย์จะได้จำได้และไม่ต้องปวดหัวเมื่อเรามาขอให้เขียนจดหมายแนะนำในภายหลัง

    2.3 กำลังทำงาน: อันนี้อาจจะยากและปวดหัวหน่อยเพราะทำงานควบไปด้วย ต้องแพลนและคุยกับที่ทำงานดีๆ สัญญาการทำงานเป็นอย่างไร เอกสารต้องจัดแจงให้เรียบร้อย ตรวจร่างกาย ขอวีซ่า เงื่อนไขเหล่านี้อาจทำให้ต้องลางานบ่อยครั้ง เพราะฉะนั้นต้องคุยกับเจ้านายให้ดีๆ 

    การเตรียมตัวคร่าวๆ ก็ประมาณนี้ ถ้าตอบได้ตามที่บอกก็สบายใจได้เปราะหนึ่งแล้วล่ะ

3. เรียนสาขาวิชาอะไรดี?

    แม้จะมีการพูดกันบ่อยครั้งว่าถ้าทำงานจบไปไม่จำเป็นต้องตรงกับสายหรือสาขาที่เรียนก็ได้ แต่อย่างไรก็ตามก็ใช้ไม่ได้กับทุกคน เพราะฉะนั้นจะเลือกเรียนสาขาอะไรก็สำคัญมาก เพราะจะส่งผลต่อการเลือกมหาลัย เลือกประเทศของเราด้วย และถึงบางสาขาจะมีโอกาสให้เราเปลี่ยนไปเรียนสาขาอื่นได้ถ้าไม่ชอบแต่ก็เสียเวลาอีก ดังนั้นก็ควรใช้เวลาทำความเข้าใจความต้องการของตัวเองให้ดีซะก่อน จากนั้นเมื่อรู้แล้วก็ลุยเลย

4. รับมือกับค่าใช้จ่ายยังไงดี?

    เมื่อมีประเทศเป้าหมายที่จะไปเรียนต่อแล้วก็ได้เวลามาคำนวณค่าใช้จ่ายกันต่อ ไม่ว่าจะเป็นค่าเล่าเรียน ค่าที่พัก ค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าประกัน และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน (ค่ารถ ค่าอาหาร ฯลฯ) ถ้ามีหลายตัวเลือกก็ต้องเปรียบเทียบค่าครองชีพเพื่อดูว่าประเทศไหนใช้เงินมากหรือน้อยกว่าขอบเขตที่เรากำหนดไว้ ที่สำคัญเลยคือต้องตอบให้ได้ว่าจะจัดการกับค่าใช้จ่ายเหล่านี้ยังไง หลายคนอาจใช้วิธีการออมเงินก้อน หรือบางคนอาจออมไปส่วนหนึ่งแล้วไปหาเอาดาบหน้า หรือจะใช้วิธีการหาทุนก็ได้

5. สมัครเรียนเมื่อไหร่?

    มหาวิทยาลัยในต่างประเทศส่วนใหญ่ จะเปิดรับนักศึกษา 2 ช่วง คือ ฤดูใบไม้ผลิ และ ฤดูใบไม้ร่วงหรือฤดูหนาว ซึ่งจะเริ่มเปิดรับใบสมัครทางออนไลน์ ประมาณ 4-5 เดือนก่อนเปิดเทอม โดยมากนักเรียนไทยจะไปเรียนต่อประมาณเดือนกันยายน แต่ก็ต้องเดินทางไปถึงมหาวิทยาลัยตั้งแต่เดือนกรกฎาคม – สิงหาคม เพื่อเตรียมความพร้อม จัดหาที่พัก และบางคนอาจต้องเรียนคอร์สภาษาหรือคอร์สปรับพื้นฐานเพิ่มเติมก่อน 

    เพื่อความถูกต้องที่สุดก็ควรเช็คข้อมูลจากเว็บไซต์มหาลัยแต่ละที่โดยตรง นอกจากนี้ยังต้องเผื่อเวลาการทำเอกสารต่างๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นขอจดหมายแนะนำ ขอทรานสคริปต์ ขอใบรับรองแพทย์ ฯลฯ  เรื่องเวลาสำคัญมาก ต้องกะเวลาให้ดีเพราะมีหลายคนที่ต้องเลื่อนเวลาสมัครเรียนเพราะกะเวลาผิดมาแล้ว

6. ต้องใช้คะแนนการสอบอะไรรึเปล่า?

    ถ้าไปเรียนต่อหลักสูตรนานาชาติที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก มหาวิทยาลัยมักต้องการให้ผู้สมัครยื่นคะแนนสอบภาษาอังกฤษประกอบการพิจารณาด้วย โดยผลคะแนนที่นิยมใช้กันแพร่หลายก็ได้แก่ TOEFL และ IELTS หรือบางคอร์สอาจต้องยื่นคะแนนอื่นๆ เช่น GRE หรือ GMAT ประกอบด้วย อย่าลืมทำการบ้านล่วงหน้าว่ามหาวิทยาลัยที่สมัครต้องการคะแนนอะไรบ้าง จะได้เตรียมตัวสอบไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะบางกรณีอาจต้องเรียนพิเศษและอ่านหนังสือเพิ่มเติม

7. ขอทุนการศึกษาได้ไหม?

    ในประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่ เช่น อเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย สิงคโปร์ ฯลฯ จะมีทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาต่างชาติที่มีผลการเรียนดี หรือ กิจกรรมโดดเด่นด้วย หากได้รับทุนก็จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มากทีเดียว ดังนั้น จึงควรศึกษารายละเอียดหรือสอบถามทางมหาวิทยาลัยเอาไว้ล่วงหน้า เพราะหากต้องการขอทุน มักจะต้องยื่นเอกสารหรือเขียนเรียงความเพิ่มเติมเพื่อการขอทุน

8. พักที่ไหนดี?

    การพักอาศัยเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ ถ้าโชคดีเจอที่พักดีก็เริดไป ถ้าไม่ดีก็แย่หน่อย เพราะไม่ใช่ทุกมหาวิทยาลัยจะจัดสรรหอพักไว้ให้นักศึกษาต่างชาติในปีแรกของการศึกษา บางหอพักก็อาจจะต้องมีการจองหรือชำระเงินล่วงหน้า อันนี้ต้องเช็คให้ดี ถ้าอยากเช่าห้องพักข้างนอก เพื่อให้ผู้ปกครองและเพื่อนๆ ที่จะมาเยี่ยมสามารถพักด้วยได้อย่างสะดวกสบาย ก็ลองหาข้อมูลและเปรียบเทียบราคาจากหลายๆ แหล่งดู รวมถึงความปลอดภัยบริเวณโดยรอบด้วย 

9. สามารถทำงานพิเศษได้ไหม?

    หากไม่ได้มีเงินสนับสนุนจากครอบครัวมากนัก การทำงานพิเศษก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ แต่อย่าลืมศึกษาข้อมูลให้ดีว่า วีซ่านักเรียนนอกแต่ละประเทศทำงาน PART-TIME ได้กี่ชั่วโมงบ้าง และไม่ควรทำงานเยอะเกินไปหรือละเมิดกฎโดยเด็ดขาด เพราะนอกจากตัวเองจะเสี่ยงแล้ว ก็ยังอาจส่งผลเสียต่อรุ่นน้องนักเรียนไทยที่จะมาเรียนต่อในรุ่นหลังๆ ด้วย

10. จะเอาตัวรอดได้อย่างไร?  

    การไปอยู่ห่างไกลจากบ้านเกิดเมืองนอนก็แน่นอนว่าจะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งใหม่ๆ มากมาย และยังต้องรับผิดชอบตัวเองในทุกๆ ด้านอีกด้วย ฉะนั้นถ้ายังขาดทักษะอะไรที่จำเป็น ก่อนถึงวันเดินทางก็ควรฝึกฝน หาข้อมูล และเตรียมตัวไปก่อนล่วงหน้า เช่น ฝึกทำอาหาร หรือ ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันแผนที่ของเมืองนั้นๆ

    นอกจากจะต้องมั่นใจว่าตัวเองเอาตัวรอดได้ อย่าลืมบอกคนในครอบครัว อธิบายให้เข้าใจว่าเราเอาตัวรอดได้ พวกเขาจะได้ไม่เป็นห่วง ตัวเราเองก็จะแฮปปี้ที่ได้มีโอกาสไปผจญภัยได้อย่างเต็มที่เพราะวางแผนเต็มที่แล้วด้วย

สรุปแล้วลองถามตัวเองดีๆ ว่าเราพร้อมแน่ไหม มีอะไรที่ยังขาดตกบกพร่องก็รีบเติมเต็มเข้าไว้ การผจญภัยกำลังรอทุกคนอยู่นะคะ

Credit: https://bit.ly/3Jc7GsI

#เรียนวิจัย #รับติวสอบ #รับปรึกษางานวิจัย #ทำdissertation #ทำthesis #ทำวิทยานิพนธ์ #ทำวิทยานิพนธ์ปตรี #ทำวิทยานิพนธ์ปโท #ทำวิทยานิพนธ์ปเอก #สอนโปรแกรมSPSS #รับทำงานวิจัย #ที่ปรึกษางานวิจัย #รับทำดุษฎีนิพนธ์ #รับติววิทยานิพนธ์ #รับติวธีสิส #รับติวสารนิพนธ์ #รับติววิจัย #รับติวงานวิจัย #รับสอนวิทยานิพนธ์ #รับสอนธีสิส #รับสอนสารนิพนธ์ #รับสอนวิจัย #รับสอนงานวิจัย #รับปรึกษาวิทยานิพนธ์ #รับปรึกษาธีสิส #รับปรึกษาสารนิพนธ์ #รับปรึกษาวิจัย #รับปรึกษางานวิจัย #รับติววิทยานิพนธ์ปตรี #รับติววิทยานิพนธ์ปโท #รับติววิทยานิพนธ์ปเอก #รับสอนวิทยานิพนธ์ปตรี #รับสอนวิทยานิพนธ์ปโท #รับสอนวิทยานิพนธ์ปเอก #รับปรึกษาวิทยานิพนธ์ปตรี #รับปรึกษาวิทยานิพนธ์ปโท #รับปรึกษาวิทยานิพนธ์ปเอก #สอนทำวิจัย ##รับสอนดุษฎีนิพนธ์ #รับติวดุษฎีนิพนธ์ #รับปรึกษาดุษฎีนิพนธ์ #ปรึกษาวิทยานิพนธ์ #ปรึกษาวิจัย #ปรึกษางานวิจัย #ทำวิจัยปโท #phdthesis #หัวข้อวิทยานิพนธ์ #รับทำdissertation #บริษัทรับทำวิจัย #รับเขียนบทความวิชาการ #thesiswriter #spssราคา #ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ #ทำวิจัยพยาบาล #รับปรึกษาวิจัย #ราคารับทำงานวิจัย

Share:

Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on pinterest
Pinterest
Share on linkedin
LinkedIn

ขอคำปรึกษา

Tag : การทำ is จ้างทำ is จ้างทำวิจัย จ้างทำวิทยานิพนธ์ จ้างทํางานวิจัย จ้างทําวิจัย ป.ตรี ราคา จ้างทําวิจัยราคา จ้างทําวิจัยราคาประหยัด จ้างทําวิจัย ราคาเท่าไหร่ จ้างทําวิทยานิพนธ์ จ้างทําวิทยานิพนธ์ราคา จ้างวิจัย ทําวิทยานิพนธ์ ทำงานวิจัย ทำงานวิทยานิพนธ์ บริการรับทำวิจัย รับจัดหน้าวิทยานิพนธ์ รับจ้างทำ is รับจ้างทํางานวิจัย ราคาถูก รับจ้างทํารายงาน รับจ้างทําวิทยานิพนธ์ รับจ้างทําวิทยานิพนธ์ ราคาถูก รับจ้างเขียนรายงาน รับทำ is รับทำ powerpoint รับทำ spss รับทำ thesis รับทำดุษฎีนิพนธ์ รับทำวิจัย รับทำวิจัยราคาถูก รับทำวิทยานิพนธ์ รับทำสารนิพนธ์ รับทำแบบสอบถาม รับทำโปรเจคจบ รับทํา thesis รับทํางานวิจัย รับทําปริญญานิพนธ์ รับทํารายงาน รับทําวิจัย ป.ตรี รับทําวิทยานิพนธ์ รับทําวิทยานิพนธ์ ป.โท รับทําวิทยานิพนธ์ ราคา รับทําวิทยานิพนธ์ราคาเท่าไหร่ รับทํา สารนิพนธ์ รับแปลงานวิจัย ราคารับทำวิทยานิพนธ์ วิจัย

Table of Contents

On Key

Related Posts

งานวิจัยเผย : คนที่ทำตัวแปลกๆ หาแฟนง่ายกว่าคนธรรมดา

งานวิจัยเผย : คนที่ทำตัวแปลกๆ หาแฟนง่ายกว่าคนธรรมดา

จากการศึกษางานวิจัยเผยว่า คนที่ทำตัวแปลกๆหรือทำตัวประหลาดแตกต่างจากคนปกติ หรือคนที่มีคาแร็คเตอร์แปลกประหลาดแบบธรรมชาติของเขาเอง สามารถสร้างแรงดึงดูดต่อเพศตรงข้าม และทำให้มีโอกาสหาแฟนหรือคนรู้ใจได้ง่ายกว่าคนทั่วไป ใครที่โสดมานานแล้วอยากสละโสด คงจะได้ฤกษ์สละโสดเร็วๆนี้แล้ว . ซึ่งผลวิจัยดังกล่าวข้างต้น อ้างอิงจากวารสารว่าด้วยบุคลิกภาพและจิตวิทยาสังคม (Personality and Social Psychology Bulletin) ของสหรัฐอเมริกา เป็นการเก็บข้อมูลกลุ่มตัวอย่างทั้งชายและหญิง จากการเลือกเพศตรงข้ามที่สนใจผ่านเว็บไซต์หาคู่เดทออนไลน์ ซึ่งกลุ่มตัวอย่างทั้งชายและหญิงต่างถูกใจในผู้ที่มีความแปลกกว่าคนทั่วไป ทั้งในเรื่องสไตล์เสื้อผ้า การแต่งตัว รสนิยม และทัศนคติ . บางท่านอาจสงสัยว่า

งานวิจัยเผย : ฝนตกทำให้คนเหงา เป็นเรื่องจริงไม่ได้มโนไปเอง

งานวิจัยเผย : ฝนตกทำให้คนเหงา เป็นเรื่องจริงไม่ได้มโนไปเอง

จากการศึกษาเรื่อง ทำไมฝนตกแล้วต้องเหงา หรือผลกระทบจากสภาพอากาศต่อสภาพจิตใจในเชิงวิทยาศาสตร์และจิตวิทยานั้นพบว่า ในช่วงที่ฝนตก สภาพอากาศเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งความชื้นในอากาศที่เพิ่มขึ้น อุณหภูมิที่ลดต่ำลง และแสงสว่างที่ลดน้อยลง ซึ่งอธิบายให้เห็นภาพที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องของแสงสว่างที่ลดน้อยลงในวันที่ฝนตก เพราะร่างกายของมนุษย์มีสิ่งที่เรียกว่า นาฬิกาชีวภาพ (Circadian Rhythm) ที่คอยกำหนดการทำงานของสมองและร่างกายในแต่ละช่วงของวัน . ซึ่งแสงส่งผลได้อย่างชัดเจน สามารถนึกถึงอารมณ์เวลาที่ตื่นมาในวันที่มีแสงแดดแรง ท้องฟ้าสดใส และไม่ร้อนจนเกินไป กับวันที่ตื่นมาแล้วท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆครึ้ม อารมณ์ความรู้สึกในวันนั้นก็แตกต่างกันไม่น้อย ซึ่งสิ่งนี้เกิดขึ้นอย่างมีเหตุผล เพราะการได้รับแสงแดดที่ไม่เพียงพอหรือน้อยลงในตอนเช้าส่งผลต่อการทำงานของนาฬิกาชีวภาพ ต่อเนื่องไปยังสมอง ทำให้สมองผลิตเซโรโทนิน

งานวิจัยเผย : วัยรุ่นที่มีแฟนเป็นซึมเศร้ามากกว่าวัยรุ่นที่โสด

งานวิจัยเผย : วัยรุ่นที่มีแฟนเป็นซึมเศร้ามากกว่าวัยรุ่นที่โสด

วัยรุ่นวัยใสที่ยังไม่มีแฟนหรือแทบจะไม่ได้ไปออกเดทกับใครเขา มักถูกมองว่าขาดเสน่ห์หรือเข้าสังคมได้ไม่ดีนัก แต่ในขณะที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาและพฤติกรรมวัยรุ่นในสหรัฐฯ เชื่อกันมานานว่า วัยรุ่นที่มีคู่คบหาดูใจจะมีโอกาสพัฒนาทักษะทางสังคมและวุฒิภาวะทางอารมณ์ได้ดีกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน แต่แล้วความเชื่อนี้กำลังจะเปลี่ยนไป . เนื่องจากทีมนักวิจัยด้านสาธารณสุขจากมหาวิทยาลัยจอร์เจียของสหรัฐฯ ได้มีการตีพิมพ์ผลการศึกษาล่าสุดลงในวารสาร “สุขภาพในโรงเรียน” (Journal of School Health) โดยระบุว่า ผลการติดตามเก็บข้อมูลระยะยาวเป็นเวลา 7 ปีกับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักเรียน ตั้งแต่อยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ชี้ว่าวัยรุ่นที่ไม่ได้คบหาเป็นแฟนกับใครและไม่ค่อยได้ออกเดทนั้น ไม่ได้มีพัฒนาการทางจิตวิทยาตามวัยด้อยไปกว่าเพื่อนที่มีแฟน หนำซ้ำยังมีทักษะทางสังคมที่ดีกว่า และมีภาวะซึมเศร้าน้อยกว่าด้วย

รู้หรือไม่ ผู้บริโภค 85% เชื่อถือโฆษณาในรูปแบบสปอนเซอร์ทีม-การแข่งขัน

รู้หรือไม่ ผู้บริโภค 85% เชื่อถือโฆษณาในรูปแบบสปอนเซอร์ทีม-การแข่งขัน

รู้หรือไม่ ผู้บริโภค 85% เชื่อถือโฆษณาในรูปแบบสปอนเซอร์ทีม-การแข่งขัน . เนื่องจากการสำรวจพฤติกรรมการรับสื่อและทัศนคติต่อการรับชมโฆษณา-แคมเปญการตลาดของผู้บริโภคชาวไทยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ทางบริษัท นีลเส็น มีเดีย ประเทศไทย หนึ่งในบริษัทวิจัยสื่อ-การตลาดรายใหญ่ สามารถประมวลเป็นเทรนด์สำคัญที่จะส่งผลกับการสื่อสารและทำการตลาดของภาคธุรกิจในปี 2566 นี้ . พบว่า ผู้บริโภค 85% เชื่อถือโฆษณาในรูปแบบสปอนเซอร์ทีม-การแข่งขัน และ 61% เลือกซื้อสินค้าที่เป็นสปอนเซอร์การแข่งขัน รวมถึง