5 ทักษะที่จำเป็นในการทำงานวิจัย ให้โดดเด่นกว่าใคร

หากคุณอยากพัฒนาผลงานวิจัยให้โดดเด่นกว่าใคร แต่ยังไม่รู้ว่าจะต้องพัฒนาตัวเองอย่างไร ไม่รู้ว่าจะต้องพัฒนาในส่วนไหนบ้าง ในบทความนี้ เรามี 5 ทักษะที่จำเป็นในการทำงานวิจัย ให้โดดเด่นกว่าใคร เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงานวิจัย พัฒนาให้ดีและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

1. พัฒนาทักษะด้านภาษา (Language)

ในการทำงานวิจัย การใช้ “ภาษา” สิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะจำเป็นจะต้องเรียบเรียงภาษาให้มีความกระชับเข้าใจง่าย และถูกต้องตามหลักวิชาการ เหมาะสมกับบริบทของงานวิจัยที่ทำการศึกษา

และโดยเฉพาะใช้ในการแปลบทความ หรือการแปลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องจากงานวิจัยต่างประเทศ เพื่อนำมาอ้างอิงในเนื้อหาข้อมูลในการศึกษาวิจัยให้มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

2. พัฒนาทักษะในการสื่อสาร (Communication)

ความสามารถทางภาษาจะไม่ได้ถูกนำมาใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพเลยหากทักษะในการสื่อสารไม่ได้ถูกพัฒนาตาม เพราะในกระบวนการทำงานวิจัย จำเป็นต้องมีการติดต่อสื่อสารสำหรับทำการเก็บข้อมูล

เช่น การแจกแบบสอบถาม การแจกแบบสัมภาษณ์ ทำการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญลงแบบบันทึกการสนทนากับกลุ่มตัวอย่าง ในการพูดเชิญชวน ชักชวน โน้มน้าวใจ เพื่อขอความร่วมมือกับกลุ่มตัวอย่างให้ตอบคำถามในแบบสอบถาม หรือแบบสัมภาษณ์ที่มีความครบถ้วน ถูกต้อง และเป็นจริงมากที่สุด เพื่อนำมาทำการวิเคราะห์ข้อมูลในการตอบวัตถุประสงค์ของการวิจัย

รวมถึงการนำเสนอผลงานวิจัยต่ออาจารย์ที่ปรึกษา หรือคณะกรรมการที่สอบงานวิจัย ฉะนั้น ผู้ที่มีศิลปะในการสื่อสารย่อมมีความได้เปรียบกว่าผู้อื่น เพราะสามารถอธิบาย แถลง การพูดในที่สาธารณะ

3. พัฒนาทักษะทางเทคโนโลยี (Technology)

ในทุกวันนี้เทคโนโลยีได้หลอมรวมจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน และสำหรับการศึกษามีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาไปไกลมาก เปิดกว้างในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ความรู้ต่างๆ ที่สามารถเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว สร้างความสะดวกสบายให้สามารถศึกษาเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น 

อาทิเช่น สามารถเข้าถึงห้องสมุดแบบเต็มรูปแบบผ่าน Application บนอุปกรณ์เคลื่อนต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที ซึ่งต่างจากในอดีตที่ต้องเดินทางเข้าไปที่ห้องสมุดเท่านั้น

ฉะนั้น การพัฒนาทักษะพื้นฐานทางเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่จำเป็น การติดต่อสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต อย่างการรับ-ส่งอีเมล โปรแกรมคอมพิวเตอร์บางโปรแกรม เช่น โปรแกรม Microsoft Word, Microsoft Excel, Microsoft Powerpoint และโปรแกรมพื้นฐานที่ใช้สามารถช่วยประกอบการบรรยาย นำเสนองานวิจัยให้ดูน่าสนใจมากขึ้น

4. พัฒนาทักษะในการวางแผน และ บริหารจัดการ (Planning and Management)

กระบวนการทำงานวิจัยนั้นมีขั้นตอนในการศึกษาที่ละเอียด เพราะถ้าคุณสามารถวางแผนได้อย่างละเอียดถี่ถ้วน รัดกุม และมีการบริหารจัดการที่ดี เมื่อถึงเวลาที่ลงมือปฏิบัติจริง ผลงานที่ได้ก็จะมีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามที่ต้องการ

การวางแผนและการบริหารจัดการที่ดี ไม่เพียงจะทำให้การทำงานวิจัยของคุณประสบความสำเร็จและมีประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยสามารถพัฒนาทักษะในการบริหารในหน้าที่การงานในชีวิตประจำวันให้เติบโตในหน้าที่การงาน มีโอกาสในการทำงานที่ดีขึ้นได้ 

5. พัฒนาทักษะในการจัดการอารมณ์ (Emotional management)

เพราะการทำงานวิจัยนั้นมีกระบวนการที่ค่อนข้างละเอียด จึงก่อให้เกิดความเครียด ความกดดันมากมาย ซึ่งคุณไม่สามารถหลีกเลี่ยงการพบเจอกับความเครียดรำหว่างที่ทำการศึกษาค้นคว้าได้ 

ดังนั้นคุณจึงต้องมีความสามารถในจัดการกับอารมณ์ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ปัญหาและอุปสรรคในการทำงานได้อย่างเข้มแข็ง อย่างมีสติ และชาญฉลาด

รวมทั้งยังนำไปปรับใช้กับการทำงานชีวิตประจำวัน เพื่อรับมือกับเพื่อนร่วมงาน เจ้านาย หัวหน้า ลูกน้อง ลูกค้าได้

และทั้งหมดนี่คือ 5 ทักษะที่จำเป็นในการทำงานวิจัย ให้โดดเด่นกว่าใคร หากคุณสามารถพัฒนาทักษะเหล่านี้ได้ มันจะช่วยให้เล่มงานวิจัยของคุณมีประสิทธิภาพที่โดดเด่นกว่าใคร และยังช่วยเพิ่มความสามารถในทักษะตัวคุณให้มากยิ่งขึ้น

Credit: https://bit.ly/3JinuvC

Share:

Share on facebook
Facebook
Share on twitter
Twitter
Share on pinterest
Pinterest
Share on linkedin
LinkedIn

ขอคำปรึกษา

Tag : การทำ is จ้างทำ is จ้างทำวิจัย จ้างทำวิทยานิพนธ์ จ้างทํางานวิจัย จ้างทําวิจัย ป.ตรี ราคา จ้างทําวิจัยราคา จ้างทําวิจัยราคาประหยัด จ้างทําวิจัย ราคาเท่าไหร่ จ้างทําวิทยานิพนธ์ จ้างทําวิทยานิพนธ์ราคา จ้างวิจัย ทําวิทยานิพนธ์ ทำงานวิจัย ทำงานวิทยานิพนธ์ บริการรับทำวิจัย รับจัดหน้าวิทยานิพนธ์ รับจ้างทำ is รับจ้างทํางานวิจัย ราคาถูก รับจ้างทํารายงาน รับจ้างทําวิทยานิพนธ์ รับจ้างทําวิทยานิพนธ์ ราคาถูก รับจ้างเขียนรายงาน รับทำ is รับทำ powerpoint รับทำ spss รับทำ thesis รับทำดุษฎีนิพนธ์ รับทำวิจัย รับทำวิจัยราคาถูก รับทำวิทยานิพนธ์ รับทำสารนิพนธ์ รับทำแบบสอบถาม รับทำโปรเจคจบ รับทํา thesis รับทํางานวิจัย รับทําปริญญานิพนธ์ รับทํารายงาน รับทําวิจัย ป.ตรี รับทําวิทยานิพนธ์ รับทําวิทยานิพนธ์ ป.โท รับทําวิทยานิพนธ์ ราคา รับทําวิทยานิพนธ์ราคาเท่าไหร่ รับทํา สารนิพนธ์ รับแปลงานวิจัย ราคารับทำวิทยานิพนธ์ วิจัย

Table of Contents

On Key

Related Posts

งานวิจัยเผย : คนที่ทำตัวแปลกๆ หาแฟนง่ายกว่าคนธรรมดา

งานวิจัยเผย : คนที่ทำตัวแปลกๆ หาแฟนง่ายกว่าคนธรรมดา

จากการศึกษางานวิจัยเผยว่า คนที่ทำตัวแปลกๆหรือทำตัวประหลาดแตกต่างจากคนปกติ หรือคนที่มีคาแร็คเตอร์แปลกประหลาดแบบธรรมชาติของเขาเอง สามารถสร้างแรงดึงดูดต่อเพศตรงข้าม และทำให้มีโอกาสหาแฟนหรือคนรู้ใจได้ง่ายกว่าคนทั่วไป ใครที่โสดมานานแล้วอยากสละโสด คงจะได้ฤกษ์สละโสดเร็วๆนี้แล้ว . ซึ่งผลวิจัยดังกล่าวข้างต้น อ้างอิงจากวารสารว่าด้วยบุคลิกภาพและจิตวิทยาสังคม (Personality and Social Psychology Bulletin) ของสหรัฐอเมริกา เป็นการเก็บข้อมูลกลุ่มตัวอย่างทั้งชายและหญิง จากการเลือกเพศตรงข้ามที่สนใจผ่านเว็บไซต์หาคู่เดทออนไลน์ ซึ่งกลุ่มตัวอย่างทั้งชายและหญิงต่างถูกใจในผู้ที่มีความแปลกกว่าคนทั่วไป ทั้งในเรื่องสไตล์เสื้อผ้า การแต่งตัว รสนิยม และทัศนคติ . บางท่านอาจสงสัยว่า

งานวิจัยเผย : ฝนตกทำให้คนเหงา เป็นเรื่องจริงไม่ได้มโนไปเอง

งานวิจัยเผย : ฝนตกทำให้คนเหงา เป็นเรื่องจริงไม่ได้มโนไปเอง

จากการศึกษาเรื่อง ทำไมฝนตกแล้วต้องเหงา หรือผลกระทบจากสภาพอากาศต่อสภาพจิตใจในเชิงวิทยาศาสตร์และจิตวิทยานั้นพบว่า ในช่วงที่ฝนตก สภาพอากาศเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งความชื้นในอากาศที่เพิ่มขึ้น อุณหภูมิที่ลดต่ำลง และแสงสว่างที่ลดน้อยลง ซึ่งอธิบายให้เห็นภาพที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องของแสงสว่างที่ลดน้อยลงในวันที่ฝนตก เพราะร่างกายของมนุษย์มีสิ่งที่เรียกว่า นาฬิกาชีวภาพ (Circadian Rhythm) ที่คอยกำหนดการทำงานของสมองและร่างกายในแต่ละช่วงของวัน . ซึ่งแสงส่งผลได้อย่างชัดเจน สามารถนึกถึงอารมณ์เวลาที่ตื่นมาในวันที่มีแสงแดดแรง ท้องฟ้าสดใส และไม่ร้อนจนเกินไป กับวันที่ตื่นมาแล้วท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆครึ้ม อารมณ์ความรู้สึกในวันนั้นก็แตกต่างกันไม่น้อย ซึ่งสิ่งนี้เกิดขึ้นอย่างมีเหตุผล เพราะการได้รับแสงแดดที่ไม่เพียงพอหรือน้อยลงในตอนเช้าส่งผลต่อการทำงานของนาฬิกาชีวภาพ ต่อเนื่องไปยังสมอง ทำให้สมองผลิตเซโรโทนิน

งานวิจัยเผย : วัยรุ่นที่มีแฟนเป็นซึมเศร้ามากกว่าวัยรุ่นที่โสด

งานวิจัยเผย : วัยรุ่นที่มีแฟนเป็นซึมเศร้ามากกว่าวัยรุ่นที่โสด

วัยรุ่นวัยใสที่ยังไม่มีแฟนหรือแทบจะไม่ได้ไปออกเดทกับใครเขา มักถูกมองว่าขาดเสน่ห์หรือเข้าสังคมได้ไม่ดีนัก แต่ในขณะที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาและพฤติกรรมวัยรุ่นในสหรัฐฯ เชื่อกันมานานว่า วัยรุ่นที่มีคู่คบหาดูใจจะมีโอกาสพัฒนาทักษะทางสังคมและวุฒิภาวะทางอารมณ์ได้ดีกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน แต่แล้วความเชื่อนี้กำลังจะเปลี่ยนไป . เนื่องจากทีมนักวิจัยด้านสาธารณสุขจากมหาวิทยาลัยจอร์เจียของสหรัฐฯ ได้มีการตีพิมพ์ผลการศึกษาล่าสุดลงในวารสาร “สุขภาพในโรงเรียน” (Journal of School Health) โดยระบุว่า ผลการติดตามเก็บข้อมูลระยะยาวเป็นเวลา 7 ปีกับกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักเรียน ตั้งแต่อยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ชี้ว่าวัยรุ่นที่ไม่ได้คบหาเป็นแฟนกับใครและไม่ค่อยได้ออกเดทนั้น ไม่ได้มีพัฒนาการทางจิตวิทยาตามวัยด้อยไปกว่าเพื่อนที่มีแฟน หนำซ้ำยังมีทักษะทางสังคมที่ดีกว่า และมีภาวะซึมเศร้าน้อยกว่าด้วย

รู้หรือไม่ ผู้บริโภค 85% เชื่อถือโฆษณาในรูปแบบสปอนเซอร์ทีม-การแข่งขัน

รู้หรือไม่ ผู้บริโภค 85% เชื่อถือโฆษณาในรูปแบบสปอนเซอร์ทีม-การแข่งขัน

รู้หรือไม่ ผู้บริโภค 85% เชื่อถือโฆษณาในรูปแบบสปอนเซอร์ทีม-การแข่งขัน . เนื่องจากการสำรวจพฤติกรรมการรับสื่อและทัศนคติต่อการรับชมโฆษณา-แคมเปญการตลาดของผู้บริโภคชาวไทยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ทางบริษัท นีลเส็น มีเดีย ประเทศไทย หนึ่งในบริษัทวิจัยสื่อ-การตลาดรายใหญ่ สามารถประมวลเป็นเทรนด์สำคัญที่จะส่งผลกับการสื่อสารและทำการตลาดของภาคธุรกิจในปี 2566 นี้ . พบว่า ผู้บริโภค 85% เชื่อถือโฆษณาในรูปแบบสปอนเซอร์ทีม-การแข่งขัน และ 61% เลือกซื้อสินค้าที่เป็นสปอนเซอร์การแข่งขัน รวมถึง